วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

การเขียนบทความ


การเขียนบทความ
               บทความคือ ความเรียงที่เขียนขึ้นโดยมีหลักฐานข้อเท็จจริง และในเนื้อหานั้นผู้เขียน ได้แทรกข้อเสนอแนะเชิงวิจารณ์หรือสร้างสรรค์เอาไว้ด้วย บทความเป็นงานเขียนที่ปรากฏคู่กับหนังสือพิมพ์ เพราะบทความเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์เป็นส่วนใหญ่เพิ่งนิยมกันในหมู่นักอ่านและ  ผู้เขียนในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้เอง แต่ก็แพร่หลายอย่างรวดเร็ว รูปแบบการเขียนบทความคล้ายกับเรียงความมากและถึงแม้เนื้อหาสาระของบทความส่วนใหญ่จะได้จากข่าวสด แต่วิธีเขียนบทความก็ต่างจากวิธีเขียนข่าวเช่นเดียวกัน


ลักษณะเฉพาะของบทความ

            1. ต้องเป็นเรื่องที่ผู้อ่านส่วนมากกำลังสนใจอยู่ในขณะนั้น อาจเป็นปัญหาที่คนกำลังอยากรู้ว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร หรือมีผลอย่างไร หรือเป็นเรื่องที่เข้ายุคเข้าสมัย
            2. ต้องมีแก่นสาร มีสาระอ่านแล้วได้ความรู้หรือความคิดเพิ่มเติมมิใช่เรื่องเลื่อนลอยไร้สาระ
            3. ต้องมีข้อทรรศนะ ข้อคิดเห็น ตลอดจนข้อเสนอแนะของผู้เขียนแทรกอยู่ด้วย
            4. มีวิธีเชิญชวนให้อ่าน อ่านแล้วท้าทายความคิด และสนุกเพลิดเพลินจากความคิดในเชิงถกเถียงโต้แย้งนั้น

            5. เนื้อหาสาระ และสำนวนภาษาเหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีการศึกษาอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะ   ผู้อ่านที่มีการศึกษาน้อย นิยมอ่านข่าวสดมากกว่าบทความ
 บทความสมัยนี้ค่อนข้างจะมีลักษณะผสมผสานกันทั้งเชิงสาระและปกิณกะ ดังที่ปรากฏอยู่ตามหนังสือพิมพ์รายวัน และรายสัปดาห์ ถ้าจะแบ่งตามเนื้อเรื่องของบทความแล้วยังแยกออกไปได้อีกหลายประเภท เช่น
             1. บทความแสดงความคิดเห็น เป็นบทความที่ผู้เขียนหยิบยกเอาปัญหาในสังคมนั้น   ขึ้นมาเขียน  มีทั้งปัญหาส่วนรวมและปัญหาส่วนบุคคล  ปัญหาส่วนรวมก็เช่น  ปัญหาเศรษฐกิจ
            2. บทความประเภทสัมภาษณ์ เป็นบทความที่แสดงความคิดของบุคคลเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ ผู้เขียนบทความควรรู้จักเลือกบุคคลที่จะสัมภาษณ์ เช่น เป็นคนเด่น มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญ หรือมีความเข้าใจอย่างดีในเรื่องที่เราจะเขียน
            3. บทความกึ่งชีวประวัติ มีลักษณะคล้ายกับบทความประเภทสัมภาษณ์ต่างกันในแง่ที่บทความประเภทสัมภาษณ์ต้องการแสดงข้อคิดเห็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง  
            4. บทความประเภทให้ความรู้ เป็นบทความที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรืออธิบายวิธีทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในการเขียนควรเลือกเรื่องที่ดึงดูดความสนใจ 
            5.  บทความประเภทให้แง่คิด โน้มน้าวใจ หรือกระตุ้นให้กระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง  ผู้เขียนอาจเขียนอย่างตรงไปตรงมา หรือเขียนในเชิงอุปมาอุปมัยก็ได้ การเขียนเชิงอุปมาอุปมัยนั้นจะพูดถึงสิ่งอื่น ผูกเป็นเรื่องราวต่อเนื่องกันโดยตลอด ข้อความทั้งเรื่องจะแทนความคิดที่ต้องการให้ผู้อ่านทราบ 

            6. บทความประเภทรายงานผลการท่องเที่ยว ถ้าเป็นการไปเที่ยวสถานที่แปลกใหม่    ไม่เคยมีใครไปมาก่อน จะเร้าความสนใจของผู้อ่านดีขึ้น เนื้อเรื่องนอกจากจะกล่าวถึงเรื่องราว  การเดินทาง ลักษณะภูมิประเทศ และความสวยงามของสถานที่นั้น ๆ 
             นอกจากนี้การเขียนงานทางด้านวารสารศาสตร์ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในอีกหลากหลายรูปแบบมากมาย อาทิเช่น นิตยสาร เรื่องสั้น หนังสือพิมพ์ ใบปลิว ใบความรู้ วารสารสำหรับการเรียนรู้ รวมถึงหนังสือต่างๆ อีกมากมาย ทั้งหมดล้วนเป็นงานทางด้านการเขียน การคิดวิเคราะห์ เพื่อสร้างงานวารสาร สร้างผลงานด้านการเขียน เพื่อให้เกิดเป็นอาชีพ และเสริมสร้างจินตนาการด้านความคิดและการเขียนให้ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

               


 แหล่งข้อมูล 
ประเทือง สุขเเสวง โดย Gotoknow
คุณชาลินี (วิชาการ.คอม) โดย na-vigato.com

การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์

วารสารศาสตร์ Journalism

วารสารศาสตร์ข้อมูล ( data-driven journalism หรือ data journalism
               เป็นกระบวนการทางวารสาร ที่มีฐานอยู่บนการวิเคราะห์และคัดกรองชุดข้อมูลขนาดใหญ่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อการสร้างข่าวขึ้นมาชิ้นหนึ่ง มันไม่เหมือนกับ วารสารศาสตร์ฐานข้อมูล ซึ่งส่วนมากใช้สำหรับการรายงานข่าวสืบสวนสอบสวน วารสารศาสตร์ข้อมูลจัดการกับข้อมูลเปิดที่เผยแพร่ฟรีออนไลน์ และวิเคราะห์มันด้วยเครื่องมือโอเพนซอส ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งก็คือ วารสารศาสตร์ข้อมูลพยายามที่จะยกระดับไปสู่การบริการใหม่ ๆ เพื่อสาธารณะ การช่วยเหลือผู้บริโภค ผู้บริหาร นักการเมือง ให้เข้าใจแบบแผนที่ปรากฏจากข้อมูล และทำการตัดสินใจบนฐานของข้อค้นพบเหล่านั้น ด้วยประการนี้  วารสารศาสตร์ข้อมูล จึงอาจเป็นวิถีใหม่ที่จะช่วยวางตำแหน่งนักวารสารไว้ในหน้าที่ที่มีความหมายกับสังคม

             การเขียนข่าว หรือการทำงานด้านวารสารศาสตร์มีมากมายหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งรูปแบบหลักๆ ที่จะพบในการทำงานด้านวารสารศาสตร์ ก็คือ

การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์
           การประชาสัมพันธ์ต้องพึ่งพาอาศัยสื่อมวลชน  (Mass Media)  โดยเฉพาะสื่อหลักได้แก่  หนังสือพิมพ์  วิทยุ  โทรทัศน์  และอินเตอร์เน็ต  เป็นช่องทางเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนวิธีที่จะทำให้บรรดาสื่อมวลชนช่วยเผยแพร่ข่าวให้เราฟรี ๆ  ด้วยความเต็มอกเต็มใจต้องทำอย่างไร?
       เราต้องเริ่มที่การเลือกกิจกรรมเพื่อนำมาทำข่าวประชาสัมพันธ์กันเสียก่อนซึ่งตามปกติ  เรามักจะเลือกกิจกรรมขององค์กรที่เราเห็นว่าดีที่สุดหรือเด่นที่สุด  ของเรา  นำมาเผยแพร่ส่งเป็นข่าวประชาสัมพันธ์  โดยที่ลืมคิดไปว่าเรื่องที่เราเห็นว่า  เด่นที่สุดของเรานั้น  แต่สื่อมวลชนเขามองว่ามันเป็นข่าวที่  ไม่น่าสนใจ  เลยก็ได้

ข่าวประชาสัมพันธ์
          สื่อประชาสัมพันธ์ที่นิยมใช้มากที่สุดในการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนหลักๆ เช่น หนังสือ- พิมพ์  นิตยสาร  วิทยุและโทรทัศน์   นั่นคือ การจัดทำเอกสาร
          ข่าวแจก  หรือ  “ข่าวประชาสัมพันธ์”  (Press Release, News Release) หมายถึง  ข่าวสารซึ่งองค์การ  สถาบันหรือหน่วยงานจัดทำขึ้น  โดยจัดพิมพ์ในรูปของเอกสารข่าว  มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่น ๆ  นำไปเผยแพร่ข่าวสารดังกล่าวสู่ประชาชน  เพื่อให้ทราบและเข้าใจในหน่วยงาน  เกิดการยอมรับและเกิดภาพลักษณ์ที่ดี  (Favorable Image)  ในใจของประชาชน





แหล่งอ้างอิง 
เบญส์ริยา ปานปุญญเดช โดย km-web.rmutt.ac.th 
มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา โดย http://office.ssru.ac.th
ภาพประกอบจาก siamzone.com